Tuesday, March 31, 2015

เกิดอะไรขึ้น เมื่อเมียน้อยอุ้มท้องในชุดงานแต่ง บุกกลางงานวิวาห์ สุดมันส์ (คลิป)




เมียน้อยอุ้มท้องในชุดเจ้าสาว บุกงานแต่งแฟนหนุ่ม ก่อนเปิดฉากตบเมียหลวง กลางงานแต่ง ทำเอาวุ่นวายไปทั่วงาน
 dailymail เว็บไซต์ของอังกฤษ พาย้อนไปดูเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง ในงานวิวาห์ของบ่าวสาวคู่หนึ่ง ในเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เมื่อหญิงสาวตั้งครรภ์รายหนึ่ง(คนขวาในคลิป) ในชุดเจ้าสาว ซึ่งจากรายงานระบุว่า เธอเป็นเมียน้อยของเจ้าบ่าวในงาน ได้บุกเข้ามาอาละวาดในงานแต่งและได้เข้าไปตบตีเจ้าสาวตัวจริง อย่างดุเดือด จนล้มลุกคลุกคลาน พร้อมกับเสียงตะโกนด่าทอเป็นชุด โดยมีฝ่ายเจ้าบ่าว ต้นเหตุของเรื่องเป็นผู้เข้ามาห้ามปรามทั้งคู่ ให้แยกออกจากกัน ท่ามกลางความตกตะลึงของแขกภายในงาน ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น แต่ไม่มีรายงานระบุว่าเรื่องราวดังกล่าวจบลงอย่างไร

ที่มา : http://news.boxza.com/view/26052

พลังหึงโหด! ภรรยาขึ้นไปกระทืบกระจกรถสามีกลางทางด่วน เหตุเพราะ ?? (คลิป)

จะมีอะไรน่ากลัวเท่าภรรยาจับได้ว่าสามีมีกิ๊ก แล้วเกิดโมดหขาดสติ ก่อให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดมานักต่อนัก ดังเช่นเหตุการณ์ต่อไปนี้ ที่มีผู้หญิงคนหนึ่ง ขึ้นไปกระทืบกระจกรถยนต์ที่จอดอยู่ในช่องทางด่วนที่ชำระเงิน



พลังหึงโหด! ภรรยาขึ้นไปกระทืบกระจกรถสามีกลางทางด่วน หลังจับได้ว่ามีกิ๊ก
โดยเหตุการณ์นี้ถูกจับภาพไว้ได้จากคนที่กำลังต่อคิวจ่ายเงินบนทางด่วน ได้ถ่ายวีดิโอผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อโค้ตสีเหลืองขึ้นไปบนกระโปรงรถเก๋งในช่องชำระเงินทางด่วน และเธอก็กระทืบไปที่กระจกไม่ยั้ง และในระหว่างนั้นเอง รถก็เคลื่อนที่หวังจะหนีออกไป แต่ช่องชำระเงินนั้นปิด จึงไม่สามารถหนีออกไปได้


พลังหึงโหด! ภรรยาขึ้นไปกระทืบกระจกรถสามีกลางทางด่วน หลังจับได้ว่ามีกิ๊ก
เวลาผ่านไปไม่นาน ผู้หญิงเสื้อโค้ตสีเหลืองที่คาดว่าเป็นภรรยา  ก็ลากผู้หญิงอีกคนหนึ่งออกมาจากรถ  และเดินผ่านรถคันที่ถ่ายวิดีโอไป จากนั้นก็มีผู้ชายที่คาดว่าเป็นสามีและเจ้าหน้าที่วิ่งตามออกมา ทั้งนี้รถที่โดนผู้หญิงกระทืบกระจกนั้น ได้รับความเสียหาย กระจกแตกจนไม่สามารถที่จะขับต่อไปได้

ที่มา: http://news.boxza.com/view/26072

ไอ้หื่น ลวงหลานสาว วัย 8 ขวบ กระทำชำเรา

แปดริ้วรุมประชาทัณฑ์ ! ไอ้หื่น ลวงหลานสาว วัย 8 ขวบ กระทำชำเรา

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
พ.ต.ท.บุญโชว์ ทองกล่อม สารวัตรสืบสวน สภ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า วันนี้ (31 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโพธิ์ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ควบคุมตัวนายเสือเพชร สะตะพันธ์ วัย 38 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คดีกระทำชำเราผู้ที่มีอายุไม่ถึง 13 ปี หลังจากที่เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าจับกุมตัวได้ที่ บ้านหลังหนึ่ง ใน ต.แหลมประดู่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเเจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ว่ามีผู้ปกครองของเด็ก มาเเจ้งว่า ลูกของตนถูกกระทำชำเราจากญาติด้วยกัน ทำให้เจ้าหน้าที่จึงเร่งนำกำลังเข้าจับกุม จากการสอบสวน ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้กระทำชำเรา เด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 8 ปี ซึ่งเป็นญาติกันจริง โดยผู้ต้องหาได้ออกอุบายหลอกให้เด็กหญิงดังกล่าว ไปเล่นน้ำกับตนเพื่อคลายร้อน ก่อนจะอ้างว่าเกิดอารมณ์ทางเพศ ขณะเล่นน้ำ ทำให้ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จึงลงมือกระทำชำเรา ทั้งนี้ยังยอมรับว่า หลังจากนั้น ก็ได้ขู่เด็กหญิงดังกล่าวว่าหากนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกผู้ปกครอง ก็จะฆ่าทิ้ง
ขณะที่แม่ของเด็ก เล่าว่า สาเหตุที่ทราบเพราะลูกของตนมีเลือดออกที่อวัยวะเพศ ซึ่งทุกคนคิดว่าเป็นเพราะเด็กไปเล่นน้ำ และถูกปลิงกัด และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น กระทั่งเด็กร้องไห้ไม่หยุด เพราะเลือดไหลออกเป็นจำนวนมาก จนต้องนำตัวไปส่งโรงพยาบาล จึงพยายามสอบถามถาม เด็กจึงยอมรับว่า ถูกญาติซึ่งเป็นลุง พาไปกระทำชำเรา พร้อมขู่ว่าห้ามบอกใคร มิฉะนั้นจะฆ่าทิ้ง จึงตัดสินใจแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านนำกำลังตำรวจมาจับกุม ยอมรับว่าเสียใจไม่คิดว่าคนเป็นญาติกันจะทำกับลูกตนได้ขนาดนี้
ทั้งนี้ผู้ต้องหาคือ นายเสือเพชร สะตะพันธ์ ไม่ใช่คนในหมู่บ้าน โดยเพิ่งเข้ามาอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน และไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ ก่อนเกิดเหตุ ก็เป็นคนที่มีนิสัยไม่ดี ชอบเล่นการพนัน และมักหยิบยืมเงินทองและไม่ใช้คืน กระทั่งต้องหลบหนีเจ้าหนี้มาอยู่กับ มารดาที่บ้านหลังดังกล่าว ก่อนก่อเหตุเลวร้ายดังกล่าวขึ้น
ทั้งนี้ระหว่างทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ได้มีชาวบ้านหลายร้อยคนมาติดตามการทำแผน ขณะที่บิดา พร้อมญาติๆ พยายามเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ ผู้ต้องหา บางส่วนตะโกนด่า จนเจ้าหน้าที่ต้องยุติการทำแผน ก่อนรีบนำตัวผู้ต้องหา กลับทันที

ชายคนนี้เงินหมด ทนกินมาม่า น้อยใจในโชคชะตา แต่เมื่อได้เจอป้าขายลูกชิ้น ความคิดเขาก็เปลี่ยน !



ชายคนนี้เงินหมด ทนกินมาม่า น้อ

รู้สึกอิจฉามนุษย์เงินเดือนที่ยังขอเงินบุพการีได้อยู่ เวลาที่ตัวเองไม่มีเงินใช้ หรือ เดือนนี้ตัวเองช็อต
-----------------
ผม : เห้ย!เป็นไงวะ เมื่อวานเงินหมดไม่ใช่หรอ แล้ววันนี้ทำไมเหลือเงินเยอะวะ
        (แอบเห็นมันกดเงิน)
เพื่อน : อ่อ...พอดีกกรูโทรไปขอแม่กรูน่ะ  กรูแม่รงช็อตว่ะช่วงนี้
ผม : เออๆ ใช้ระวังๆล่ะกันเมิง
เพื่อน : เออ.......
-----------------
ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ขอใครไม่ได้แล้วครับ T^T 
มีแต่ให้ 
และเวลาที่ตัวเองล้ม..... มันก็ท้อครับ.....
ผมยืนกินมาม่าอยู่หน้า 7-11 มาม่ากระป๋อง 15 บาท เวลานั้นมันหิวมาก แต่เหลือเงินพอแค่กินมาม่าครับ ทนให้ถึงที่สุด
ตอนนั้นเอง ป้าขายลูกชิ้นเข็นรถผ่านมาพอดี  ผมก็มองปกติ แต่เหลือบไปเห็นลูกชิ้นที่เหลืออยู่เต็มไปหมด 
ผมนึกในใจ มันก็ไม่ใช่แต่เรา ที่ล้ม ยังมีคนอื่นที่ล้มอยู่อีก.....
ป้าจอดรถเข็นตรงหน้าผมเลยครับ และแกก็หยิบลูกชิ้นมา2ไม้ ใส่ถุง แล้วยื่นให้ผม
ป้า : ป้าเห็นเรามานั่งกินมาม่าตรงนี้หลายวันแล้ว...... บางวันป้าเห็นเราน้ำตาซึม เห็นเราเศร้าๆ ป้ารู้ ว่ามนุษย์เราบางทีมันก็ต้องมีช่วงเวลานึง
       ที่เลยตกต่ำ  แต่เราต้องไม่ท้อนะ  
ผม : (พูดไรไม่ออก อ้าปากค้างสักพัก).......
ป้า : นี่ป้าให้... วันนี้ป้าขายไม่ได้เลย ป้าอยากแบ่งให้เรา..... เอาไปสิ..
ผม : ยกมือไหว้...ขอบคุณครับป้า..
ป้า : (ยิ้ม)...... ต้องสู้ชีวิตนะลูก คนเราเลือกเกิดไม่ได้ ตัวป้าเองก็ไม่มีใคร ป้าอยู่กับลุง ลูกๆหนีป้าไปหมด... ป้าไปก่อนนะ...
วันนั้นเอง ผมกินลูกชิ้นกับมาม่าทั้งน้ำตาครับ......
มันบอกผมว่า ในโลกนี้ยังมีคนที่ลำบากกว่าเราอยู่อีกครับ....
  
ข้อมูลจาก:

มาดูวีธีโปรโมทสินค้าของ บริษัทจีน แห่งหนึ่ง




 เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์รายงานเหตุการณ์อันน่าตกตะลึง เมื่อตัวแทนจำหน่ายกล้องรายหนึ่งในเมืองไท่หยวนมณฑลซานซี ประเทศจีน จ้างทีมนางแบบและพริตตี้สาวสุดเซ็กซี่มาประกอบฉากในวันฉลองเปิดร้าน สร้างทั้งความดึงดูดใจแก่ลูกค้า และเสียงวิจารณ์จากชาวเน็ตไปพร้อมๆกัน


 จะเห็นได้ว่านางแบบแต่ละคนรูปร่างผอมๆ เพรียวๆ กันทั้งนั้น ถูกจับแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น ในมือถืออุปกรณ์ทำความสะอาดอย่างไม้กวาด ไม้ถูพื้น และพวกเธอก็ทำความสะอาดพื้นในร้านกัน แถมยังมีอีกรายหนึ่งปีนขึ้นไปนั่งตรงขอบหน้าต่างแล้วโพสต์ท่าซะเซ็กซี่ ทำเอาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างปากอ้าตาค้างกัน


 แน่นอนว่าอาจจะดึงดูดความสนใจลูกค้าได้ผลก็จริง แต่ในขณะเดียวกันก็มีชาวเน็ตหลายคนมองว่าไม่เหมาะสม และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกในจีนแต่เคยมีงานโชว์รถในเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ที่จ้างสาวมาเต้นรูด โดยที่มีเด็กเล็กๆยืนอยู่บนเวทีด้วย








ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ คลิปเอ็มวีนักร้องฝรั่ง แร็พจีวรปลิว !!




หลังจากที่ เฟซบุ๊ก Badmaster ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจและขอให้หน่วยงานด้านพุทธศาสนาเข้าตรวจคลิปเอ็มวีซึ่งนักร้องเพลงแร็พกลุ่มนี้นุ่งจีวรพระ ทั้งร้องทั้งเต้น เพราะเห็นว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง 

 สำหรับคลิปเอ็มวีดังกล่าว มีชื่อว่า 12:00 - Munkar ได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในรายการ 12:00 ของวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศไอซ์แลนด์เมื่อปี 2 ปี แต่เพิ่งจะกลายมาเป็นที่สนใจและพูดถึงในโซเชียลของไทยในช่วงเวลาไม่นานมานี้

 นอกจากนี้ยังมีคุณ Natthawat Voramool ได้โพสต์ถึงคลิปนี้ว่า "ผมเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศไอซ์แลนด์ จะไม่นิ่งดูดายกับ สิ่งนี้แน่นอน แต่ก่อนต้อง ขอร้องให้คนไทยทุกท่านที่ได้ฟัง อย่างเพิ่งไปโพสต์ขอความใดๆ ลงไป เพราะเพลงนี้เขาได้ออกอากาศ เมื่อปี 2012 แล้ว และตอนนี้ไม่ทราบว่าทำไม จึงได้มีการนำเสนออีก แต่ยังไงก็ตาม ผมและคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศไอซ์แลนด์ จะติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อระงับการนำเสนอต่อไป"

สุดสลด! หนูน้อยร้องไห้ปิ่มขาดใจ หลังพบหมาแสนรักถูกย่างขายริมถน



 เว็บไซต์ Dailystar.co.uk รายงานถึงเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดใจ เมื่อเด็กหญิงนิรนามวัย 5 ขวบ จากตอนเหนือของเวียดนามคนหนึ่ง ต้องร้องไห้เจียนจะขาดใจ เมื่อ "ฟลาวเวอร์" สุนัขแสนรักของเธอหายออกไปจากบ้าน แต่เมื่อพบกันอีกที ปรากฎว่าเพื่อนรักกลายเป็นศพ ถูกย่าง และวางขายที่ร้านขายเนื้อในตลาดเรียบร้อยแล้ว

 คงไม่มีเรื่องใดจะทำร้ายจิตใจเด็กตัวเล็กๆคนนึงได้มากไปกว่านี้เพราะเธอเลี้ยงฟลาวเวอร์มานาน 3 ปี ก่อนที่มันจะหายไป จนกระทั่งวันหนึ่งที่หนูน้อยเดินผ่านตลาด เธอก็เห็นสุนัขย่างตัวหนึ่งวางบนตะกร้าพร้อมขาย และร้องเสียงลั่นออกมาทันทีว่า "นั่นมันฟลาวเวอร์นี่!"





 ภาพหนูน้อยร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดอยู่ข้างๆ ร่างไร้วิญญาณของสุนัขแสนรัก ถูกแชร์ไปทั่วโลกออนไลน์ของเวียดนาม ซึ่งก็ก่อให้เกิดเป็นประเด็นถกเถียงครั้งใหญ่ทางจริยศาสตร์ ว่าการกินเนื้อสุนัขเป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่

 อย่างไรก็ตาม การกินเนื้อสุนัขถือเป็นสิ่งถูกกฎหมายในเวียดนาม เช่นเดียวกับเกาหลี ซึ่งปัจจุบันมีสุนัขกว่า 3 แสนตัวถูกลักลอบจากไทยนำเข้าเวียดนาม เนื่องจากมีปริมาณผู้บริโภคสูงมาก

จัดหนัก!ตำรวจเตรียมเพิ่มข้อหาหนักพ่อเลี้ยงเลวแล้ว ข้อหานี้ทำเอาสะใจคนทั้งประเทศ ขอบคุณพลังโซเชี่ยล


จัดหนัก!ตำรวจเตรียมเพิ่มข้อหาห

ที่มา รายการเรื่องเล่าเช้านี้
เรียบเรียงโดย สำนักข่าวด่วนโอ้โหซ่าส์
ล่าสุด พันตำรวจเอกธนชัย อุสาหกิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนิมิตรใหม่ ได้เพิ่มข้อหาเจตนาฆ่าคนตาย ตามใบชันสูตรแล้ว หลังพบว่าภายในร่างกายฉีกขาด ได้มีการถีบเด็กล้มลงกระแทกพื้น และมีการทุบตีอีกหลายครั้ง จนเด็กแน่นิ่งไป
แต่พอพ่อเลี้ยงโหดรู้ว่าได้แจ้งข้อหาเพิ่ม ก็ถึงกับหน้าซีด ถอดสี และก็ได้อ้างว่าทำไปเพราะเมา และเด็กดื้อมากจึงได้ตี และยืนยันว่าเด็กไม่ได้สลบ เพราะร้องตลอดเวลาที่ตี
โดยได้เผยสาเหตุที่ได้ตีไปดังนี้
"ผมไม่ได้ตั้งใจฆ่า ผมเมาสุรา ผมไม่คิดจะเป็นเหตุขนาดนี้  ตบไปเพราะเด็กร้อง แต่ที่ตบไม่หยุด เพราะเด็กยังร้อง "
สรุปคือ จิตใจทำด้วยอะไร กะจะตีจนเด็กตายและเงียบไปเลยใช่มั้ย

กลุ่ม ‘ฮิปเตอร์’ ! ผู้เบื่อแฟชั่นแบบเดิมๆ ปลุกกระแส ใส่ผ้าชุดไทยทุกวันอาทิตย์


กลุ่ม ‘ฮิปเตอร์’ ! ผู้เบื่อแฟช

ภาพประกอบจาก ไทยรัฐ
หลังจากกลุ่มคนในโลกออนไลน์ปลุกกระแสแต่งชุดไทยจนฮิตติดลมบนไปแล้ว ล่าสุดจึงมีการนัดใส่ผ้าไทยนุ่งสไบ ใส่ซิ่น รวมพล เดินห้างดังใจกลางเมือง
ทั้งนี้  จากกรณีชาวเน็ตในโลกโซเชียลมีการแชร์ภาพหญิงสาวคนหนึ่ง ปลุกกระแสอนุรักษ์ชุดประจำชาติด้วยการโพสต์รูปตนเองสวมใส่ชุดไทย เดินตามสถานที่ต่างๆ
จนได้รับความสนใจในโลกออนไลน์ และเป็นกระแสให้มีวัยรุ่น จนถึงวัยทำงานแห่ซื้อชุดไทยมาแต่งกันในหลายจังหวัดนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาชาวเครือข่ายวัฒนธรรมนัดรวมตัวสวมใส่ชุดไทย โดยผู้หญิงมีการนุ่งสไบ ใส่ผ้าซิ่น ชุดไทยประยุกต์
ส่วนผู้ชายสวมเสื้อแบบพระราชทานแขนยาว สวมกางเกงสแลค เดินเฉิดฉายปรากฎตัวเข้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง
ทั้ง สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว พร้อมชอปปิ้งเลือกซื้อสินค้าในร้านต่างๆ กันเหมือนสวมใส่เสื้อผ้าแบบปกติธรรมดา สร้างความสนใจให้กับบรรดาผู้ที่มาจับจ่ายซื้อของในวันหยุดเป็นอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม น.ส.จิราพร พรหมศิริ อายุ 29 ปี หนึ่งในผู้สวมใส่ชุดผ้าไทย กล่าวว่า ได้นัดเพื่อนๆ รวมตัวใส่ชุดไทย
เพราะเห็นว่าเราเป็นคนไทย หากจะใส่ชุดผ้าไทย หรือชุดประจำชาติ ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลก แต่ยังเป็นการแสดงถึงเอกลักษณ์ของประเทศ
ซึ่งตนเห็นว่า ขนาดเราไปเที่ยวต่างประเทศ อย่าง ญี่ปุ่น เกาหลี ยังอยากจะแต่งกายชุดกิโมโน ฮันบกอย่างเขาเลย และหลายประเทศก็ยังอนุรักษ์เครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิม ให้ประชาชนสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไร
แต่ที่ผ่านมา ที่ไม่กล้าแต่ง เพราะไม่มีใครแต่ง แต่ตอนนี้ มีกระแสที่เค้าแต่งกัน ก็เลยลองหยิบชุดที่มีมาลองใส่เดินห้างบ้าง และยังมิ๊กซ์แอนแมช กับกระเป๋าหนังสมัยใหม่ แรกๆ ก่อนออกจากบ้าน ก็ยังไม่มั่นใจ
แต่เมื่อพบกับเพื่อนที่นัดกันแต่งหลายๆ คนแล้ว กลับสร้างรู้สึกประทับใจที่เราได้สวมใส่ชุดไทยที่สวยงาม
อย่างไรก็ตาม อยากเชิญชวนให้คนไทย โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ ต้องกล้าลอง กล้าเปลี่ยน และหันกลับมารักษาของที่มีค่าของชาติ อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศของเราด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวโซเชียล ที่อ้างว่า กลุ่มฮิปเตอร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ นัดรวมพลแต่งผ้าไทยที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกสาขาทั่วประเทศ
โดยเชิญชวนให้สวมใส่ผ้าไทย ตามสไตล์ ตามสบาย ชิคๆคูลๆ แบบไม่ต้องสนใจใครให้การแต่งชุดไทยเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน
ทั้งยังระบุว่า กลุ่มฮิปเตอร์ และผู้เบื่อแฟชั่นแบบเดิมๆ ที่มักจะวิ่งตามตะวันตกจึงรวมตัวจัดขึ้น และจัดให้เป็นกิจกรรมใช้ผ้าไทย ผ้าพื้นถิ่นทุกวันอาทิตย์
โดยรณรงค์ช่วงแรกขอเพียงใส่ หรือ ใช้ชุดที่มีผ้าไทย เช่นกระป๋าถือ หรือ ผ้าพันคอ และหวังว่าจะไม่เป็นแคมเปญจ์ชั่วคราว บ้านเมืองเราจะได้มีชุดไทยสวยๆ เดินเกลื่อนเมืองให้ทึ่งทั้งไทยและเทศกันเลยทีเดียว
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่กระเกิดกระแสรณรงค์ให้มีการแต่งกายด้วยผ้าไทยหลายจังหวัดทั่วประเทศ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ที่เห็นชัดเจน คือ จ.พิษณุโลก และ จ.น่าน มีเด็กและเยาวชนพร้อมใจกันแต่งกายชุดไทยกันมากขึ้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรม ได้มีการสนับสนุน ส่งเสริม และรณรงค์ เรื่องนี้มาโดยตลอด จะเห็นว่าในปัจจุบันผู้บริหารของประเทศโดยเฉพาะ อย่างยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เป็นแบบอย่างในการแต่งกายด้วยผ้าไทย
อย่างไรก็ตามจากการสำรวจจำนวนร้านค้าผู้ประกอบการผ้าไทย ปรากฎว่ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเพราะปัจจุบันได้มีการออกแบบเครื่องแต่งกาย ให้มีความทันสมัย สามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส นักออกแบบแฟชั่น ก็หันมาให้ความสนใจ และนำผ้าไทยไปออกแบบตัดเย็บกันได้อย่างสวยงาม และหลากหลาย
สำหรับกระแสการแต่งไทยไปห้างในสื่อออนไลน์ที่ กำลังเป็นที่กล่าวถึงนั้น ตนต้องขอชื่นชม เพราะเห็นว่าเป็นกลุ่มที่กล้าแสดงออก มีความรักและภาคภูมิใจ ในมรดกทางวัฒนธรรม
ได้ออกมาขับเคลื่อน รณรงค์ให้คนไทย กลับมาสู่อัตลักษณ์ความเป็นไทย ผ่านการแต่งกาย ซึ่งนับเป็นเรื่องน่ายินดีอย่าง มาก และต้องขอบคุณ ทุกๆคนที่มีส่วนร่วมตรงนี้
แต่ก็ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเพียงแค่กระแสที่มาแล้วก็หายไป แต่อยากให้ เป็นเช่นนี้ตลอดไป และมีความนิยม เพิ่มมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ข้อมูลจาก:

Monday, March 30, 2015

ดังทั่วโลก! เมื่อน้องเมย์ทำแบบนี้กับคนเช็ดพื้นที่อินเดีย ทำเอาคนทั่วโลกต้องพูดถึง



ดังทั่วโลก! เมื่อน้องเมย์ทำแบบ

เรียบเรียงโดย สำนักข่าวด่วน โอ้โหซ่าส์
ล่าสุดได้จบลงไปแล้วกับรายการอินเดีย โอเพ่น ซึ่งน้องเมย์ของเรา โชว์ฟอร์มกลับคืนมาได้ หลังจากรอบรองชนะเลิศ เอาชนะ มือ 1 ของโลก และเข้าสู่รอบชิง
โดยเมื่อวานนี้พบกับไซน่า เนวาล  น้องเมย์เราแพ้ไปแบบสูสี โดยที่เชื่อได้เลยว่าน้องเมย์คืนฟอร์มเก่งแล้ว ได้รองแชมป์รายการนี้มาได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้วครับ

การแข่งขันจบไปแล้ว แต่ความดังของน้องเมย์ไม่หยุด เพราะได้มีการแชร์คลิป นัดรอบรองชนะเลิศ  โดยที่น้องเมย์ได้แสดงออกถึงความเป็นคนไทยอย่างเต็มเปี่ยม นอบน้อมถ่อมตน 
ไหว้ขอบคุณ โค้ช กรรมการ ไปจนถึง คนเช็ดพื้น  ทำให้ทั่วโลกต่างออกมาชื่นชมน้องเมย์ ว่าเป็นแบบอย่างของนักกีฬาที่ดีที่สุดคนหนึ่งในวงการแบดมินตันเลยทีเดียว


ไหว้ขอบคุณ หลังขอเปลี่ยนลูกแบด

 
มีคนมาเช็ดพื้นสนาม น้องเมย์รออย่างใจเย็น


ไหว้ขอบคุณคนเช็ดพื้น ทำเอาทั่วโลกต้องสรรเสริญ ในความนอบน้อมของเธอ

ทุกครั้งที่คุยกับโค้ชเป้ น้องเมย์ก็ไม่เคยลืมไหว้เลยสักครั้ง

และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อย่างไร หากใครเคยติดตามชมการแข่งขันของน้องเมย์ จะสังเกตเห็นว่า สาวน้อยคนนี้แสดงสัมมาคารวะด้วยการไหว้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะไหว้กรรมการ โค้ช คู่ต่อสู้ หรือแม้แต่เวลาที่เธอขอเปลี่ยนลูกขนไก่ เธอจะไหว้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ในสนามที่ส่งลูกขนไก่ให้เธอทุกครั้ง รวมทั้งแม่บ้านในสนาม พนักงานทำความสะอาดคอร์ต น้องเมย์ก็จะยกมือไหว้เสมอ ๆ และเมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขัน ไม่ว่าผลจะออกมาแพ้หรือชนะ น้องเมย์ยังไม่ลืมจะยกมือไหว้ขอบคุณผู้ชมในสนามทั้ง 4 ทิศ จนได้รับเสียงปรบมือเกรียวกราวในความอ่อนน้อมถ่อมตนของเธอ ซึ่งเรื่องนี้ ยังทำให้สมาคมแบดมินตันของอินเดียส่งหนังสือแสดงความยกย่องเอกลักษณ์ดังกล่าวมายังสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยด้วย 

ไม่น่าเชื่อว่า โลกใต้น้ำ จะมีความลึกลับซ่อนอยู่


โลกใต้น้ำ
ไม่น่าเชื่อว่า โลกใต้น้ำ จะมีความลึกลับสิ่งนี้ด้วย

ทั้งนี้ เจสัน เด แครส์ เทย์เลอร์ เอง ไม่สามารถหาสถานที่สำหรับสร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้ จึงคิดนำความรู้ทั้งหมดมาใช้และตัดสินใจสร้างพิพิธภัณฑ์ในท้องทะเลทั่วโลก โดยสร้างพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำแห่งแรกที่ประเทศหมู่เกาะเกรนาดา ในทะเลแคริบเบียนเมื่อปี 2006   จนในที่สุด เทย์เลอร์ ได้สร้าง “พิพิธภัณฑ์ใต้น้ำกังกุน” แหล่งรวบรวมประติมากรรมใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก นับแล้วมากกว่า 500 ชิ้น บริเวณชายฝั่งเมืองกังกุน ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลกังกุน ประเทศเม็กซิโก
โดยเขาต้องการให้งานศิลปะของเขาสามารถทำหน้าที่เป็นแนวปะการังเทียม เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล อาทิ ปลาการ์ตูน เม่นทะเล ฟองน้ำ เต่าทะเล หรือแม้แต่ฉลาม ซึ่งจะไม่ถูกทำลายโดยคนหรือธรรมชาติได้ง่ายๆ
เพราะประติมากรรมเหล่านี้สร้างขึ้นจากคอนกรีตชนิดพิเศษ ไม่ถูกกัดเซาะและมีค่า pH เป็นกลาง จึงไม่เป็นอันตรายต่อระบบนิเวศวิทยาใต้ทะเล และเป็นการเพิ่มพื้นที่แนวปะการังที่ปกติจะมีเพียงร้อยละ 10-15 ของพื้นที่ทั้งหมดในท้องทะเลทั้งโลก
พิพิธภัณฑ์ใต้น้ำกังกุน

พิพิธภัณฑ์ใต้น้ำกังกุน

พิพิธภัณฑ์ใต้น้ำกังกุน
พิพิธภัณฑ์ใต้น้ำกังกุน
พิพิธภัณฑ์ใต้น้ำกังกุน
พิพิธภัณฑ์ใต้น้ำกังกุน

เครดิตภาพจาก : earthporm

เหตุผลที่จะทำให้คุณรักและให้อภัยนักท่องเที่ยวจีน


เหตุผลที่จะทำให้คุณรักและให้อภ

ได้โปรดเข้าใจคนจีน…
คนจีนมีมากถึง 1.4 พันล้านคน
แต่คนจีนเกือบครึ่งประเทศไม่สามารถพูดหรือฟังภาษาจีนกลางเข้าใจได้ เพียงแต่สามารถอ่านตัวอักษรจีนได้
เราจึงพบว่า ทีวีจีน ภาพยนตร์จีน แม้มีเสียงพูดภาษาจีนแล้ว แต่ยังต้องมีคำบรรยายภาษาจีนอีกด้วย
จีนยังเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ มีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 25 เท่า พื้นที่กว้างขวางถึง 5 เส้นแบ่งเวลา ซึ่งแม้ทั้งประเทศจะใช้เวลาเดียวกันก็ตาม แต่เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นและตกในฟากตะวันออกและฟากตะวันตกของประเทศนั้น ห่างกันถึง 5 ชั่วโมงในบางฤดูกาล
ภมิประเทศและภูมิอากาศก็ต่างกันสุดขั้วในแต่ละพื้นที่ อาหารการกินก็ต่างกัน ภาษาพูดก็ต่างกัน วัฒนธรรมก็ต่างกัน
ดังนั้น คนจีน ในแต่ละพื้นที่จึงมีบุคลิกและนิสัยใจคอที่แตกต่างกัน
คนจีนทางตะวันออกเฉียงเหนือ มีบุคลิกนุ่มนวลอ่อนหวาน พูดจาไพเราะนิ่มนวล แต่ใจแข็ง ไม่ยอมประนีประนอมง่าย ๆ
คนจีนทางตะวันตกเฉียงเหนือ พูดน้อย แต่ตรงไปตรงมา ไม่รักษาหน้าใคร
คนจีนทางตะวันตกเฉียงใต้ พูดจาเสียงดัง กระโชกโฮกฮาก ใจร้อน แต่โกรธง่ายหายเร็ว
คนจีนทางตะวันออกเฉียงใต้ พูดจาเสียงดัง แต่ใจกว้าง
ปักกิ่ง เรียบง่าย พูดเพราะ เสียงเบา ไม่ถือตัว
เซี่ยงไฮ้ หรูหรา โอ้อวด และหยิ่ง ฯลฯ เป็นต้น
แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ คนจีนมองประเทศไทยและคนไทยดีมาก คนจีนมองคนไทยเป็นเหมือนญาติ เหมือนเพื่อนสนิท ไม่มีพิษมีภัย คนไทยมีนิสัยน่ารัก ใจดี และประเทศไทยเป็นประเทศที่เจริญแล้ว เทียบชั้นยุโรป ในสายตาคนจีน
คำว่า ประเทศไทย ในภาษาจีน คือ 泰国 อ่านว่า ไท่กั๋ว
ไท่ (泰)เป็นคำมงคล หมายถึง รุ่งเรือง ร่ำรวย ดีงาม
กั๋ว (国) หมายถึง ประเทศ
ประเทศไทยจึงมีชื่อเรียกที่ดีมากในแง่ภาษาและวัฒนธรรมจีน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยในประเทศจีนได้เป็นอย่างดี
ภาพยนต์ไทย ละครไทย ฮิตกันทั่วประเทศจีน ร้านขายของที่ระลึกไทย ร้านให้เช่าพระเครื่องไทย ผลไม้ไทย ฯลฯ มีอยู่ดาษดื่น
ข้าวหอมมะลิไทย คือ ข้าวที่ดีที่สุดในโลกในความรู้สึกของคนจีน
ร้านค้าออนไลน์บน Taobao.com ยังมีขายแม้กระทั่งบัตรโทรศัพท์ไทย สำหรับคนจีนที่จะไปเที่ยวประเทศไทย
ในอีกด้านหนึ่ง คนจีนมีลักษณะที่คล้ายๆ คนไทย คือ คนจีนมักรู้สึกน้อยใจและโกรธเมื่อถูกเหยียดหยามเชื้อชาติ ซึ่งหากเกิดเป็นกระแสขึ้นมาแล้วก็จะลุกลาม และขยายใหญ่โตรุนแรงอย่างรวดเร็วมาก
เนื่องจากจีนเป็นประเทศใหญ่ มีประชากรมหาศาล และมีชาตินิยมรุนแรง กรณีดังกล่าวจึงมักบานปลายจนเกินคาดคิด ถึงขั้นรัฐบาลจีนต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อดับกระแสอยู่บ่อยครั้ง
หลายปีก่อน คนจีนเคยน้อยใจประเทศฝรั่งเศส เพราะประธานาธิบดีฝรั่งเศสพูดจาดูถูกประเทศจีน เท่านั้นก็ทำให้เกิดกระแสต่อต้านฝรั่งเศส สินค้าฝรั่งเศสขายไม่ออก รถยนต์ยี่ห้อซีตรองซึ่งมีภาพลักษณ์เป็นรถยนต์หรูหรา กลับกลายเป็นรถยนต์ที่น่ารังเกียจเพียงแค่ข้ามคืน (จนถึงปัจจุบัน)
กล้วยหอมซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของฟิลิปปินส์นั้นหายไปจากตลาดจีน ทำให้กระทบกระเทือนเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ เนื่องจากคนจีนไม่ยอมซื้อ เพราะกรณีพิพาททะเลจีนใต้ และประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ปากไว วิจารณ์ประเทศจีนแรงไปสักนิด
ห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นในหลาย ๆ เมืองถูกทุบทำลาย รถยนต์ญี่ปุ่นนับพันคันทั่วประเทศถูกไล่ทุบไล่ตีกลางถนน สินค้าญี่ปุ่นถูกกระชากออกจากมือผู้ใช้แล้วทุ่มลงพื้น ฯลฯ เพราะกระแสเกลียดชังญี่ปุ่นที่เคยขึ้นเป็นครั้ง ๆ
แต่ทั้งหมดนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นกับคนไทย ไม่เคยเกิดขึ้นกับสินค้าไทย และไม่เคยเกิดขึ้นกับภาพลักษณ์ประเทศไทย หากคนไทยไปไหนมาไหนในประเทศจีนก็มักจะได้รับการต้อนรับขับสู้ด้วยรอยยิ้มเป็นอย่างดี คนจีนกุลีกุจอให้คำแนะนำช่วยเหลือ พูดจาโอบอ้อมอารี มีน้ำใจและรอยยิ้มให้คนไทยอยู่เป็นประจำ
กระทั่งเร็วๆ นี้ กระแสผิดหวังและน้อยใจคนไทยเริ่มเกิดขึ้นในประเทศจีน เนื่องจากกระแสข่าวของสื่อมวลชน และโซเชียลมีเดียในประเทศไทย ซึ่งด่าเหยียดหยามประนามนักท่องเที่ยวจีนอย่างรุนแรง ทำให้ขณะนี้เริ่มกลายเป็นกระแสต่อต้านประเทศไทยและคนไทยขึ้นในประเทศจีน
สื่อมวลชนจีนเริ่มตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนจีนและคนไทย ในลักษณะการให้เกียรติทางชาติพันธุ์และศักดิ์ศรีของประเทศ และเริ่มนำเสนอมุมมองในด้านไม่ดีของประเทศไทยมาเผยแพร่ทางโทรทัศน์และสื่อต่าง ๆ แทนที่แต่เดิมนั้นแทบไม่เคยปรากฎด้านไม่ดีของประเทศไทยทางสื่อมวลชนจีนแม้แต่นิดเดียว
สิ่งที่เกิดขึ้นนับว่าน่าเป็นห่วง เพราะอาจลุกลามบานปลายไปถึงเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความร่วมมือระหว่างประเทศ
ในแต่ละประเทศ ในแต่ละเชื้อชาติ ย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกัน ย่อมมีทั้งผู้มีมารยาทสังคมดีและไม่ดี ไม่ต่างกัน ไม่ว่าเชื้อชาติใด
อีกทั้ง โลกในปัจจุบันนั้นมีการสื่อสารที่ไร้พรมแดน และภาษาไม่ใช่อุปสรรคเสมอไป เรื่องราวใดเกิดขึ้นในประเทศไทยก็อาจได้ยินถึงอีกประเทศหนึ่ง โดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที
การดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติในลักษณะเหมารวม นอกจากไม่สมเหตุสมผลแล้วยังอาจทำให้เกิดเรื่องราวบานปลายใหญ่โตอย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ทำให้เกิดความเสียหายในระยะยาว ซึ่งยากต่อการแก้ไข และไม่เป็นผลดีกับใคร
ที่มา Noppanan Arunvongse Na Ayudhaya

Sunday, March 29, 2015

นาทีระทึก!พื้นถนนยุบดูดรถบัสลงหลุม...

ชมคลิปนาทีระทึกพื้นถนนยุบดูดรถบัสลงแม่น้ำไหลหายไป


นาทีระทึก!พื้นถนนยุบดูดรถบัสลงหลุมไหลตามแม่น้่ำ (ชมคลิป)

นับเป็นช่วงนาทีระทึกเมื่อจู่ๆ พื้นถนนแห่งหนึ่งในรัฐปารา ประเทศบราซิล เกิดยุบตัวลงไปสู่แม่น้ำขณะที่รถบัสคันหนึ่งกำลังเคลื่อนผ่าน ทำเอาผู้คนที่อยู่ในรถขวัญหายกระเจิง
โชคดีที่ทุกคนๆ สามารถหนีออกจากรถได้ทัน ก่อนที่รถบัสจะร่วงลงไปสู่แม่น้ำและลอยหายไป
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น






ที่มา : telegraph

เตือนเครื่องทำดีท็อกซ์ลวงระบาดอีก....

อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์จุฬาฯ เตือนเครื่องทำดีท็อกซ์หลอกลวงกลับมาระบาดอีกในพื้นที่จ.ภาคเหนือ

เตือนเครื่องทำดีท็อกซ์ลวงระบาดอีก

เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์จากภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Jessada Denduangboripantระบุว่า เครื่องทำดีท็อกซ์หลอกลวงได้กลับมาระบาดในพื้นที่จ.เชียงราย และ จังหวัดข้างเคียง โดยมีการนำเข้าไปให้ชาวบ้านในพื้นที่ทดลองใช้
"เคยโพสต์เตือนเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อเดือนกุมภา ตอนนั้นเป็นเครื่องที่เอาไปให้คนที่เข้าพักรีสอร์ตใช้ คราวนี้ได้ข่าวใหม่ว่าระบาดไปตามบ้านชาวบ้านแถวเชียงรายและจังหวัดข้างเคียง"ดร.เจษฎาระบุ
ดร.เจษฎายังอธิบายการทำงานของเครื่องดีท็อกซ์ดังกล่าวว่า  "เครื่องดีท็อกซ์เท้านี้จะอ้างว่า ถ้าเอาเท้าแช่เข้าไปในเครื่อง แล้วมันจะดูดสารพิษออกจากร่างกายเรา น้ำจะเปลี่ยนเป็นสีสนิมคล้ำ สุขภาพเราจะดีขึ้น น้ำหนักลดได้
"แต่ความจริงมันเป็นแค่การเปลี่ยนสีของน้ำด้วยหลักการอิเล็กโตรไลต์ในน้ำ โดยมีขั้วโลหะพวกเหล็กหรือทองแดงแช่น้ำอยู่ พอปล่อยไฟฟ้าเข้าไป ใส่เกลือลงไปให้น้ำนำไฟฟ้า โลหะพวกนี้ก็จะกลายเป็นไอออน ออกไปอยู่ในน้ำ
"ถ้าขั้วโลหะเป็นเหล็ก น้ำก็จะออกแนวสีสนิมแดงๆหน่อย ถ้าขั้วเป็นทองแดง น้ำก็จะออกไปทางสีฟ้าหน่อย






"จริงๆ มันก็คล้ายๆกับพวกชุบทองนั่นแหล่ะ แต่เป็นการชุบสนิมที่เท้าเราแทน พูดง่ายๆว่า ถึงไม่แช่เท้าลงไป เปิดเครื่องแล้ว เติมเกลือลงไป น้ำก็เปลี่ยนสีได้เหมือนกัน"
ที่มา http://www.facebook.com/jessada.denduangboripant

Ads Inside Post