Thursday, March 26, 2015

ช็อก! สาวหมวยปวดหัวเรื้อรังนาน 6 ปี เมื่อแพทย์ตรวจพบถึงกับอึ้ง



สาวจีนปวดหัวเรื้อรังนาน 6 ปี ช็อก! เจอปรสิตฝังตัวในสมอง

หลังอ่านข่าวนี้แล้ว เชื่อหลายคนคงรู้สึกคันหัวยิบๆแน่นอน เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวต่างประเทศ ได้รายงานเรื่องราวของสาวจีนรายหนึ่งที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อเอาปรสิตตัวใหญ่ออก จากสมองของเธอแบบเร่งด่วน หลังจากที่จู่ๆเธอก็ช็อกหมดสติไปในขณะกำลังนั่งทำงานในออฟฟิศ โดยเธอถูกนำส่งโรงพยาบาลในเมืองเฉาหยาง (Zhaoyang) ของมณฑลยูนนาน หลังจากที่แพทย์ได้ตรวจร่างกายของเธอก็ถึงกับผงะ! เมื่อพบว่ามีปรสิตตัวใหญ่ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร หรือที่เรียกว่า สปาร์กาโนซิส (Sparganosis) ซึ่งได้เจริญเติบโตภายในสมองของเธอมานานหลายปีแล้ว

สาวจีนปวดหัวเรื้อรังนาน 6 ปี ช็อก! เจอปรสิตฝังตัวในสมอง

        ต่อมาทราบว่าหญิงสุดโชคร้ายรายนี้มีชื่อว่า หยิน เหมง (Yin Meng) วัย 29 ปี ซึ่งเล่าว่า ตอนที่เธออายุประมาณ 5 ขวบ เคยกินกบแบบสดๆกับยายของเธอมาก่อน คาดว่าเธอว่าจะได้รับไข่ของปรสิตเข้าไปตั้งแต่ตอนนั้น พร้อมกับยังบอกอีกว่าเธอปวดศีรษะเรื้อรังมานานกว่า 6 ปี แล้ว จนกระทั่งเธอเริ่มมีอาการชักและช็อกหมดสติไปในที่สุด ด้านทีมแพทย์ได้เปิดเผยว่า การผ่าตัดครั้งนี้มีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูงมากๆ และหากปล่อยทิ้งไว้จะเป็นอันตรายต่อชีวิตของเธอเป็นอย่างมาก จึงได้ตัดสินใจทำการผ่าตัดเอาปรสิตดังกล่าวออกจากศีรษะให้เธอ

สาวจีนปวดหัวเรื้อรังนาน 6 ปี ช็อก! เจอปรสิตฝังตัวในสมอง

        ข้อมูลเกี่ยวกับ สปาร์กาโนซิส (Sparganosis) โดย..ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 

        สปาร์กาโนซิส (Sparganosis) เป็นชื่อของโรคแฝงที่มากับการกินงูสิงดิบๆสุกๆ หรืออาหารดิบที่ปรุงจากเนื้อสัตว์พวก กบ งู นก และแม้แต่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ ซึ่งมีระยะตัวอ่อนของพยาธิตัวตืดของสัตว์พวกสุนัขและแมวที่อยู่ในกลุ่ม Genus Spirometra 

        พยาธิชนิดนี้มีลักษณะอย่างไร? 

        ระยะตัวอ่อนของพยาธิมีชื่อว่าสปาร์กานัม (Sparganum) มีรูปร่างลำตัวแบน สีขาวงาช้าง และมีรอยย่นทั่วตัว มีขนาดยาวได้ถึง 70 ซม. (รูปที่1) แล้วแต่ว่าพบในสัตว์ชนิดไหนต่างกันไป กบ (รูปที่ 2) เป็นสัตว์ที่มีระยะตัวอ่อนของพยาธินี้มากที่สุดในแถบประเทศเอเซียตะวันออก เฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทยด้วย 

        คนเป็นพยาธิชนิดนี้ได้อย่างไร? 

        นอกจากการกินแล้วการติดต่อของพยาธิชนิดนี้ยังอาจเกิดจากการใช้ยาพอกซึ่งเป็น การรักษาโรคแบบโบราณ โดยใช้เนื้อสัตว์เช่นกบดิบๆมาพอกที่แผลพวกฝี เป็นต้น ระยะตัวอ่อนจากเนื้อกบจะเข้าไปอยู่ในคนได้ 

        อาการและการก่อโรค 

        โดยทั่วไปจะเป็นก้อนบวมแดงใต้ผิวหนัง ขนาด 1-2 ซม. จะมีอาการปวดและอักเสบร่วมด้วย ก้อนอาจเคลื่อนที่ย้ายตำแหน่งได้และเป็นๆหายๆ อาการอาจคล้ายกับโรคพยาธิตัวจิ๊ด (Gnathostomiasis) ภายในก้อนพบระยะตัวอ่อนของพยาธิอยู่ แต่ก้อนที่กล่าวนี้อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงเมื่อไปอยู่ที่อวัยวะที่สำคัญ เช่น สมอง (รูปที่ 3) หรือบริเวณตา (รูปที่ 4) เป็นต้น การพบระยะตัวอ่อนอยู่ที่สมองอาจทำให้เกิดอาการชักได้ ระยะตัวอ่อนจะอาศัยอยู่ในร่างกายคนได้เป็นเวลานานถึง 8-12 ปี 

        คนเป็นโรคนี้มากน้อยแค่ไหน ในประเทศไทยมีรายงานโรคอย่างน้อย 27 ราย และพบที่ตามากที่สุด และยังมีรายงานการพบโรคต่อมาเรื่อยๆ การเกิดโรคส่วนใหญ่เกิดจากดื่มน้ำที่มีกุ้งไรที่มีตัวอ่อนพยาธิอยู่หรือใช้ เนื้อกบดิบๆเป็นยาพอก 

        การรักษา ต้องทำการผ่าตัดเอาตัวอ่อนของพยาธิออกจึงจะเป็นการรักษาที่ได้ผลแท้จริง การทดลองรักษาด้วยยาฆ่าพยาธิยังไม่ได้ผล 100 % 

        การป้องกัน กินอาหารประกอบจากเนื้อสัตว์โดยปรุงให้สุกจริงๆ
ที่มา :
http://news.thaiza.com/news/310987/

No comments :

Post a Comment

Ads Inside Post